การยืนยันตัวตน (KYC)

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ KYC ถูกปฏิเสธมีอะไรบ้าง

2024-04-27 11:4405

[เวลาอ่านโดยประมาณ: 3 นาที]

การทำขั้นตอน Know Your Customer (KYC) บน Bitget ให้เสร็จสิ้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้แน่ใจได้ถึงความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบของบัญชี อย่างไรก็ตาม หากมีข้อมูลผิดพลาดหรือขาดหายไป ก็อาจทำให้ถูกปฏิเสธได้ คู่มือนี้จะสรุปสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ KYC ไม่สำเร็จ พร้อมพาไปดูวิธีแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับง่ายๆ ในการทำ KYC ให้สำเร็จ

• ตรวจทานอีกรอบให้ดีว่ารายละเอียดส่วนตัวทั้งหมดตรงกับเอกสารระบุตัวตนของคุณ

• ส่งเอกสารที่ถูกต้องเข้ามาเป็นภาพสีคุณภาพสูง

• หลีกเลี่ยงการใช้เอกสารที่หมดอายุหรือถูกตัดทอน

• ตรวจสอบว่าภูมิภาคของคุณนั้นดำเนินการนี้ได้และคุณมีอายุตรงตามข้อกำหนด

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ KYC ถูกปฏิเสธ

1. ปัญหาข้อมูลส่วนบุคคล

คำขอของคุณอาจถูกปฏิเสธได้หากข้อมูลที่ให้มานั้นไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงกับรายละเอียดในเอกสารของคุณ

ปัญหาทั่วไป:

• รายละเอียดขาดหายหรือไม่ถูกต้อง (ชื่อ วันเกิด ที่อยู่)

• ชื่อไม่ตรง เช่น ชื่อกลางขาดหายไปหรือชื่อเป็นคนละภาษากัน

วิธีแก้ไข:

• กรอกทุกช่องที่จำเป็นต้องกรอกให้ถูกต้อง

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อและรายละเอียดอื่นๆ ของคุณตรงกันกับเอกสารระบุตัวตนของคุณ

2. ปัญหาคุณภาพเอกสาร

เอกสารที่มีคุณภาพต่ำอาจทำให้ถูกปฏิเสธได้เนื่องจากข้อมูลอาจเห็นได้ไม่ชัดเจน

ปัญหาทั่วไป:

• ภาพเอกสารเบลอ ถูกครอบตัด หรือมีความละเอียดต่ำ

• ส่งเอกสารขาวดำเข้ามาแทนที่จะส่งเป็นภาพสี

วิธีแก้ไข:

• ใช้กล้องความละเอียดสูงเพื่อถ่ายภาพเอกสารให้เห็นได้ชัดเจน ไม่ครอบตัด และเป็นภาพสี

• หลีกเลี่ยงการแก้ไขหรือบดบังส่วนใดๆ ของเอกสาร

3. ความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสาร

เอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนเป็นสาเหตุทั่วไปที่ทำให้ถูกปฏิเสธ KYC

ปัญหาทั่วไป:

• เอกสารหมดอายุหรือไม่รองรับ

• ส่งเอกสารเข้ามาเพียงหน้าเดียวแทนที่จะเป็นหน้า-หลัง

• ครอบตัดเอกสารโดยที่มุมทั้ง 4 ไม่ปรากฏให้เห็น

วิธีแก้ไข:

• ส่งเอกสารที่ถูกต้องและยังไม่หมดอายุเข้ามา

• สำหรับเอกสารที่มีหลายหน้า ให้อัปโหลดให้ครบหน้า-หลังหรือให้ครบทุกหน้าตามที่กำหนด

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามองเห็นเอกสารทั้ง 4 มุมได้ชัดเจนในไฟล์ที่อัปโหลด

4. ปัญหาเซลฟีและการสแกนใบหน้า

เซลฟีเป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันตัวตน แต่ปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของรูปถ่ายหรือใบหน้าที่ไม่ตรงกันอาจส่งผลให้ถูกปฏิเสธได้

ปัญหาทั่วไป:

• เซลฟีกับเอกสารระบุตัวตนของคุณไม่ชัดเจนหรือขาดหายไป

• สแกนใบหน้าไม่สำเร็จเนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอหรือมีสิ่งกีดขวาง

วิธีแก้ไข:

• อัปโหลดเซลฟีโดยถือเอกสารระบุตัวตน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามองเห็นใบหน้าและรายละเอียดเอกสารได้ชัดเจน

• ถ่ายเซลฟีในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่สวมหมวกหรือแว่นตา

5. คุณสมบัติและข้อจำกัดตามภูมิภาค

ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดคุณสมบัติบางประการเพื่อให้ทำ KYC ได้สำเร็จ

ัญหาทั่วไป:

• ส่งคำขอเข้ามาจากประเทศ/ภูมิภาคที่ถูกจำกัดการใช้งาน

• มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

• ตรวจพบว่าเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) หรือบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร

วิธีแก้ไข:

• ตรวจสอบว่าประเทศ/ภูมิภาคของคุณสามารถใช้บริการ Bitget ได้

เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของประเทศ/ภูมิภาคต่างๆ Bitget จึงไม่สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้จากประเทศ/ภูมิภาคดังต่อไปนี้ได้: อัฟกานิสถาน, แคนาดา (แอลเบอร์ตา), สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, ไครเมีย, คิวบา, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, โดเนตสก์, กินี-บิสเซา, เฮติ, ฮ่องกง, อิหร่าน, อิรัก, เลบานอน, ลิเบีย, ลูฮันสก์, เกาหลีเหนือ, เนเธอร์แลนด์, เปอร์โตรีโก, สิงคโปร์, โซมาเลีย, ซูดาน, ซูดานใต้, ซีเรีย, สหรัฐอเมริกา, เยเมน

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีอายุขั้นต่ำ 18 ปีตามที่กำหนด

• ยืนยันว่าคุณไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม PEP หรืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

6. เอกสารซ้ำซ้อนหรือใช้ร่วมกับผู้อื่น

ไม่อนุญาตให้ใช้เอกสารระบุตัวตนเดียวกันในหลายบัญชีบน Bitget

ปัญหาทั่วไป:

• ส่งเอกสารระบุตัวตนเข้ามาซึ่งใช้กับบัญชี Bitget อื่นไปแล้ว

วิธีแก้ไข:

• ใช้เอกสารระบุตัวตนที่เป็นของคุณเท่านั้นกับบัญชีของคุณเอง ห้ามนำเอกสารมาใช้ร่วมหรือใช้ซ้ำข้ามบัญชี

คำถามที่พบบ่อย

1. จะรู้ได้อย่างไรว่า KYC ถูกปฏิเสธ

คุณจะได้รับการแจ้งเตือนบนบัญชี Bitget ของคุณหรือทางอีเมล โดยจะมีการอธิบายว่าทำไมข้อมูลที่คุณส่งเข้ามานั้นถูกปฏิเสธ

2. ต้องทำอย่างไรหาก KYC ถูกปฏิเสธ

ดูสาเหตุการปฏิเสธให้รอบคอบ แก้ไขปัญหา (เช่น อัปโหลดรูปภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นหรือจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้อง) แล้วส่งคำขอของคุณเข้ามาใหม่อีกครั้ง

3. กระบวนการตรวจสอบ KYC ใช้เวลานานเท่าใด

การตรวจสอบ KYC โดยทั่วไปใช้เวลา 1 วันทำการ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางอีเมลหรือแดชบอร์ดบัญชีของคุณเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น

4. สามารถใช้เอกสารระบุตัวตนเดียวกันกับบัญชี Bitget หลายบัญชีได้หรือไม่

ไม่ได้ ผู้ใช้แต่ละรายได้รับอนุญาตให้มีบัญชีที่ยืนยัน KYC แล้วได้เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น หากใช้เอกสารระบุตัวตนเดียวกันกับหลายบัญชี จะส่งผลให้ถูกปฏิเสธ

แชร์

link_icon