คู่มือสำหรับมือใหม่ Bitget — ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทของ Futures Order

สรุป

• ประเภท Order ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Order ที่ตรงตามเกณฑ์การเทรดของตนได้ โดยการระบุว่า Order จะมีการดำเนินการอย่างไรและที่ราคาใด

• การทำความเข้าใจประเภท Order ที่แตกต่างกันและวิธีใช้งานจะช่วยเพิ่มผลการดำเนินงานในการเทรดของคุณบน Bitget

Order คืออะไร

Order คือคำสั่งให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ ในการเทรดนั้น โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งประเภท Order ออกเป็น Maker หรือ Taker:

• Maker: Order จะไม่ได้รับการดำเนินการทันที แต่จะเข้าไปอยู่ใน Order Book และเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด (เช่น Limit Order) โดยทั่วไปแล้ว Maker จะได้รับประโยชน์จากค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น Bitget เรียกเก็บค่าธรรมเนียม Maker 0.02% ในการเทรด Futures

• Taker: Order จะถูกจับคู่กับ Order ที่มีอยู่ใน Order Book และได้รับการดำเนินการทันที (เช่น Market Order) Taker จะจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า คือ 0.06% ใน Bitget Futures เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่นี่

ปัจจุบัน Bitget นำเสนอ Futures Order ทั้งหมด 9 ประเภท:

1. Market Order

2. Limit Order

3. Trigger Order

4. Post Only Order

5. Trailing Stop

6. Order แบบปรับขนาด

7. Iceberg

8. TWAP

9. Limit Order ขั้นสูง

รายละเอียดประเภท Order

1. Market Order

Market Order จะได้รับการดำเนินการทันทีในราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ในตลาดคริปโตที่ผันผวนสูง ราคาดำเนินการสุดท้ายอาจแตกต่างเล็กน้อยจากราคาที่แสดงในขณะที่วาง Order โดยหาก Order ไม่ได้รับการดำเนินการทั้งหมด ระบบจะดำเนินการจับคู่ตามจำนวนที่เหลือต่อไปในราคาตลาดล่าสุด

ตัวอย่าง: หาก BTC มีการเทรดที่ $66,000 และคุณวาง Market Order ซื้อ ระบบจะดำเนินการเทรดทันทีที่ราคาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ซึ่งเหมาะที่สุดกับการเทรดอย่างรวดเร็ว

2. Limit Order

Limit Order จะดำเนินการในราคาที่ระบุหรือในราคาที่ดีกว่า โดยคุณสามารถตั้งราคาซื้อให้ต่ำกว่าหรือตั้งราคาขายให้สูงกว่าก็ได้ ซึ่ง Order จะยังคงอยู่ใน Order Book จนกว่าจะตรงตามเงื่อนไขราคา โปรดทราบว่า Limit Order ไม่ได้รับประกันว่าจะได้รับการดำเนินการ

ตัวอย่าง: หาก BTC มีการเทรดที่ $66,500 และคุณวาง Limit Order ซื้อที่ $66,000 การเทรดจะดำเนินการก็ต่อเมื่อราคาตลาดลดลงเหลือ $66,000 หรือต่ำกว่าเท่านั้น ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับการควบคุมราคา

3. Trigger Order

Trigger Order คือ Conditional Order ที่ช่วยให้คุณสามารถตั้งราคาทริกเกอร์และราคาดำเนินการได้ โดยเมื่อราคาตลาดปรับตัวถึงราคาทริกเกอร์ ระบบจะวาง Limit Order หรือ Market Order โดยอัตโนมัติในราคาดำเนินการที่ระบุไว้

• Limit Trigger Order: วาง Limit Order เมื่อมีการทริกเกอร์

• Limit Market Order: วาง Market Order เมื่อมีการทริกเกอร์

ตัวอย่าง: เมื่อราคาตลาดไปถึงเงื่อนไขการทริกเกอร์ (เช่น 66,000 USDT) ระบบก็จะวาง Market Order และดำเนินการทันที หรือจะวาง Limit Order และดำเนินการเมื่อถึงราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

4. Post Only Order

หลังจากทำความเข้าใจประเภท Order ทั่วไปในการเทรด Futures แล้ว ตอนนี้เราก็มาสำรวจประเภท Order ขั้นสูงกว่าบางประเภทกัน Post Only Order เป็นประเภท Limit Order ขั้นสูง

โดยช่วยทำให้แน่ใจว่า Order ของคุณจะถูกเพิ่มลงใน Order Book ในฐานะ Maker ซึ่งหมายความว่า Order นี้จะไม่ถูกจับคู่กับ Order ใดๆ ที่มีอยู่ และเป็นการรับประกันว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่คุณจะต้องจ่ายจะเป็นค่าธรรมเนียม Maker ที่ต่ำกว่า โดยมีข้อดีหลักดังนี้

• ได้สิทธิ์ค่าธรรมเนียม Maker เสมอ

• หลีกเลี่ยงการขาดทุนที่ไม่พึงประสงค์ หากราคา Limit ของคุณมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ได้รับการจับคู่ทันที (เช่น ดีกว่าราคาตลาด) ระบบจะยกเลิก Order โดยอัตโนมัติ

5. Trailing Stop

Trailing Stop Order จะกำหนดช่วงราคาทริกเกอร์แบบไดนามิกที่ปรับตามเทรนด์ตลาด ซึ่งจะช่วยล็อกผลกำไรหรือลดการขาดทุนในตลาดที่มีเทรนด์ (Trending Market)

โปรดทราบว่า Trailing Stop จะขยับไปในทิศทางเดียวเท่านั้น หากตลาดกลับตัวตามเปอร์เซ็นต์ที่ตั้งไว้ ระบบก็จะทริกเกอร์ Order และดำเนินการที่ราคาตลาด

ตัวอย่าง
หาก BTC อยู่ที่ $60,000 และคุณตั้ง Trailing Stop ไว้ที่ 1%:

• เมื่อ BTC เพิ่มขึ้นถึง $63,000 ราคา Stop จะปรับเป็น $63,000-$62,370 (ต่ำกว่าจุดสูงสุด 1%)

• หาก BTC ลดลงมาที่ $62,370 ระบบจะทริกเกอร์ Order ขาย เพื่อเก็บผลกำไร $2,370

6. Order แบบปรับขนาด

Order แบบปรับขนาดจะแบ่งการเทรดขนาดใหญ่เป็น Order ย่อยหลายๆ Order ในราคาที่แตกต่างกัน เนื่องด้วยตลาดมีความผันผวน Order ขนาดย่อยๆ เหล่านี้จึงได้รับการดำเนินการไปทีละรายการจนกระทั่งดำเนินการ Order ทั้งหมดเสร็จสิ้น

Order แบบปรับขนาดมักใช้สำหรับรายการเทรดขนาดใหญ่เพื่อลดผลกระทบต่อตลาดและลดต้นทุนการเปิด Position เมื่อนักเทรดวาง Order ขนาดย่อยๆ หลายรายการ ก็จะสามารถปกปิดกิจกรรมการเทรดของตนและหลีกเลี่ยงไม่ให้คู่สัญญาของตนตื่นตระหนกได้

7. Iceberg Order

Iceberg Order เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการเทรดจำนวนมากโดยการแบ่ง Order ขนาดใหญ่ให้เป็น Order ย่อยที่เล็กลง ซึ่งช่วยให้เข้าตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและลด Slippage ให้เหลือน้อยที่สุด

เมื่อใช้ Iceberg Order ผู้ใช้สามารถลดผลกระทบต่อตลาดได้โดยไม่ต้องเปิดเผยขนาดเต็มของ Position ของตน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Market Maker และนักเทรดที่ต้องการรักษาข้อมูล Order ไว้เป็นส่วนตัว

8. TWAP

Time-Weighted Average Price (TWAP) Order เป็นการแบ่ง Order ขนาดใหญ่ออกเป็นรายการเล็กๆ หลายรายการเท่าๆ กัน โดยจะวาง ณ ราคาตลาดตามระยะห่างตายตัวตามช่วงเวลาที่ระบุ จนกว่าทั้ง Order จะเสร็จสิ้น

TWAP Order สามารถเกลี่ยต้นทุนการดำเนินการ Order และลดผลกระทบต่อราคาตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ Order ที่มีปริมาณมากเมื่อตลาดมีความผันผวนค่อนข้างน้อย

9. Limit Order ขั้นสูง

เมื่อเทียบกับ Limit Order มาตรฐานแล้ว Limit Order ขั้นสูงจะให้พารามิเตอร์ต่างๆ เพิ่มเติม เช่น ราคาทริกเกอร์และราคาดำเนินการ ซึ่งช่วยให้สามารถใช้กลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ ตัวอย่าง:

• IOC (Immediate or Cancel)

￮ หาก Order ไม่ได้รับการดำเนินการเต็มจำนวนทันที ระบบก็จะยกเลิกส่วนที่ไม่ได้ดำเนินการไปโดยอัตโนมัติ

￮ การนำไปใช้งาน: ยอมรับเฉพาะราคาดำเนินการที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่มีการดำเนินการบางส่วน

• FOK (Fill or Kill)

￮ Order จะได้รับการดำเนินการทั้งรายการในทันทีหรือไม่ก็ถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ

￮ การนำไปใช้งาน: จำเป็นต้องดำเนินการทั้ง Order หรือไม่มีการดำเนินการเลย

บทสรุป

ไม่ว่าจะเป็นการคว้าโอกาสในตลาดโดยใช้ Market Order, การกำหนดราคาที่แม่นยำผ่าน Limit Order หรือการใช้บอทเทรดอัตโนมัติผ่าน Conditional Order ก็ตาม ความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ Order ทุกประเภทก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับมือกับตลาดได้ดีขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

• คู่มือสำหรับมือใหม่ Bitget — Futures คืออะไร

• คู่มือสำหรับมือใหม่ Bitget — วิธีทำการเทรด Futures ครั้งแรก